fbpx
วันศุกร์, ธันวาคม 27, 2024
หน้าแรกSharif's Storyถอดบทเรียน 2020 เพื่อปีหน้าที่ดีกว่า

ถอดบทเรียน 2020 เพื่อปีหน้าที่ดีกว่า

ถอดบทเรียน 2020 เพื่อสู่การตลาด 2021 น่าจะเป็นเรื่องที่หลายคนกำลังให้ความสนใจอย่างมาก เนื่องจากในปี 2020 นี้ เป็นปีที่หินจริงๆ หลายธุรกิจก็ล้มหาย ตายจากในปีนี้ จากเหตุการณ์ต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้น แต่หลายธุรกิจเองก็สามารถปรับตัวได้ก็มีไม่น้อย ดังนั้น การตลาด 2021 จึงเป็นสิ่งที่หลายคนเริ่มจะมาหาข้อมูลกันแล้ว ว่าปีหน้า เราจะวางแผนธุรกิจ และการใช้ชีวิตของเราอย่างไรดี

บทความนี้ สาระรีฟ เลยสรุป ไทม์ไลน์ทั้งปี ที่สาระรีฟเจอ และได้ปรับใช้หลาย ๆ อย่างจนพ้นวิกฤติต่างๆ จนสามารถอยู่รอดต่อไปในปี 2021 ด้วยรายได้เติบโตถึง 2 เท่า หรือ 200% เมื่อเทียบจาก ปี 2019 ว่าแล้วจะมีอะไรบ้าง มาอ่านกันได้เลยครับ โดย Outline ของบทความนี้จะมี 10 เรื่อง ดังนี้

  • เริ่มต้นปี 2022 ด้วย ธุรกิจร้านขายของชำ
  • ปรับภาพลักษณ์ธุรกิจเดิม Pinsouq Store
  • COVID-19 ระบาด กลับเป็นโอกาสใหม่
  • WFH จุดเริ่มต้นของการลองทำ VLOG
  • จุดเปลี่ยนชีวิต กับการเป็นพ่อลูกอ่อนคนที่ 2
  • ครั้งแรก กับการลงทุนในตลาดหุ้น
  • ธุรกิจใหม่ ไอเดียใหม่กับ Dataholic
  • จริงจังกับ Reskill – Upskill
  • ผลลัพธ์จากการ ลองทำสิ่งใหม่
  • ถอดบทเรียนปี 2022 สู่ 2023 ที่ดีกว่า

แต่ละเรื่องสาระรีฟ จะมาเขียนบทความที่ โคตร Insight 1 หัวข้อ 1 เรื่องให้ คนที่สนใจสามารถตามอ่านต่อกันได้ เพราะกลัวว่า ใส่ในบทความเดียวจะกลายเป็น อ่านไป หลับคามือถือแทน ฮาๆๆ เลยตัดสินใจ เขียนแยกเป็นเรื่องๆ แบบเจาะลึกน่าจะเหมาะกว่า ถ้ายังไง ก็อย่าลืมไป Follow ใน Page สาระรีฟ การตลาดบ้านๆ ก่อนครับ จะได้ไม่พลาดเนื้อหาสำคัญ

เริ่มต้นปี 2020 ด้วย ธุรกิจร้านขายของชำ

ถอดบทเรียน 2020 ร้านขายของชำ-การตลาด-2021-บทเรียนจาก-2020-สาระรีฟ-การตลาดบ้านๆ

เริ่มต้นก่อนเลย จากปลายปี 2019 เป็นช่วงที่อาคารที่ก่อสร้างเพื่อเปิดธุรกิจใหม่เสร็จสิ้น จึงเริ่มด้วยการติดตั้งวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการเปิดร้านขายของชำ อันนี้เป็นโครงการของแฟนสาระรีฟเอง ที่เขาอยากหาอะไรทำที่บ้าน เลี้ยงลูกด้วย แต่ก็ไม่อยากจะอยู่เฉยๆ เลยเป็นจุดเกิดไอเดียว่า ร้านขายของชำ นี้แหละ เหมาะแล้ว เพราะนอกจากจะเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ใช้องค์ความรู้ใหม่เท่าใหร่มากนัก บวกกับแฟนเอง ก็เรียนจบบริหารธุรกิจ ผ่านวิชาการค้าปลีกมาแล้ว น่าจะเห็นภาพในการทำพอควร

จากจุดเริ่มต้นที่ทำ ก็ยอดไม่มาก ของในร้านก็น้อยมาก เพราะบอกเลย ถึงมีความรู้บ้าง แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าต้องเอาอะไรเข้ามาขายบ้าง ก็เลยซื้อของที่คิดว่าขายได้มาให้ครอบคลุมที่สุด โดยเริ่มด้วยการไปซื้อของที่ร้านขายส่งใหญ่ ในปริมาณอย่างละลัง เพราะได้ราคาที่ดีที่สุด โดยคาดหวังว่าน่าจะเป็นส่วนที่เป็นเงินเก็บ อีกช่องทางหนึ่งได้

ระหว่างทั้งปี เจออะไรมามาก กับธุรกิจตัวนี้ และบอกเลยว่า มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลย คิดว่าของพวกนี้ หมดอายุนาน การรักษาก็ไม่น่าจะเยอะมาก แต่ก็มีหลายอย่างที่ต้องปรับระหว่างทาง จนตอนนี้เองก็ยังต้องปรับอยู่เลย

อันนี้สาระรีฟได้เคยเขียนบทความแตะๆ เรื่องนี้นิดหน่อย ลองอ่านได้ที่นี่ครับ ธุรกิจเจ๊ง ถ้าไม่ระวัง 5 อย่างนี้ สำหรับบทความละเอียดการทำธุรกิจของชำ สาระรีฟจะเขียนแยกมาครับ รอติดตามกันได้ เร็วๆ นี้

สิ่งที่ได้เรียนรู้

  • สินค้าหมดอายุ ที่เราซื้อมาตอนต้นปี (แบบลัง) แล้วมาหมดอายุตอนปลายปี 2020
  • สินค้าโดนหนู นก มากัดแทะ เสียหายเยอะพอควร
  • โจรขโมยของในร้าน โดยใช้วิธีต่างๆ
  • มิจฉาชีพ ที่เนียนมาขายสินค้ากับรถขนสินค้า โดยให้ราคาถูกกว่าในท้องตลาด (แต่ต้องรับตามเซ็ท) รอบหน้าอันใหนขายไม่ได้สามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ (แต่! มีของบางอย่างในเซ็ท พอเช็ค เขาบวกเยอะมาก เนียนให้เยอะจนเราไม่เอะใจ และไม่รับโทรศัพท์อีกเลย)

ผลลัพธ์

กิจการตัวนี้ ถามว่าพอเลี้ยงตัวเองได้ไหม ก็พอเลี้ยงได้นะ ลองสรุปยอดคร่าวๆ ทั้งปีรวมๆ แล้วได้ประมาณ 1.7 ล้าน (เกือบถึงราคาที่ต้องจด VAT) แต่กำไรเท่าใหร่นั้น คิดว่าเหลือน้อยมาก เพราะกำไรที่ควรได้ กลับกลายเป็นไปอยู่ในรูปแบบสินค้าตัวใหม่ๆ ที่เอาเข้ามาขาย บวกกับของเสียที่ต้องทิ้งโดยตีต้นทุนเป็นของเสีย สรุปแล้ว ไม่ขาดทุน แต่ก็ไม่ได้เหลือเงินมากเท่าใหร่นัก (แบกข้าวสาร น้ำตาล จนหลังแทบเดาะ 555+)

ปรับภาพลักษณ์ธุรกิจเดิม Pinsouq Store

ถอดบทเรียน 2020 โครงสร้างองค์กร - การตลาด 2021 บทเรียนจาก 2020 สาระรีฟ การตลาดบ้านๆ

ต่อมาในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ทางสาระรีฟ ได้ตัดสินใจเปลี่ยนภาพลักษณ์ของร้านใหม่ โดยมาติดตั้งป้ายโฆษณาแสดงสินค้าบนผนัง ซึ่งแต่เดิมโล่งๆ (เพราะเงินน้อย เลยต้องทำง่ายๆ ไปก่อน) เอาทีวีมาติดตั้งเพื่อคาดหวังว่าจะทำสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการผ่านจอทีวี โดยที่สื่อโฆษณานั้น บริหารผ่านทาง Cloud เป็นหลัก แล้วให้ทีวีที่ติดตั้ง ไปดึงสื่อมาแสดงตามที่เราตั้งแคมเปญโฆษณาใว้ โดยกิจการ Pinsouq Store ในช่วงทั้งปี 2020 นั้นก็มีการขยายสาขาเพิ่มเติมตลอด เช่น สาขานราธิวาส สาขารังสิต (กรุงเทพ) สาขาอยุธยา โดยแต่ละสาขาก็มีเป้าหมายต่างกันไป

สิ่งที่ได้เรียนรู้

  • ทีวีที่ติดตั้ง สรุปกลายเป็นไม่มีเวลามานั่งทำแคมเปญเลย แต่ละวันมีเรื่องต้องแก้ไข เยอะมาก กลายเป็นทีวีเป็นเครื่องเปิดเพลงให้ลูกค้าฟังซะงั้น 555+ (ปีหน้า แก้ตัวใหม่)
  • สาขาที่เปิดตัวใหม่ๆ คาดหวังยอดขายที่คลุมค่าใช้จ่าย คงที่ 3-4 เดือน กลับกลายเป็น ต้องขยายเป็น 6 เดือนเลยกว่าจะคลุมค่าใช้จ่ายของสาขานั้น เพราะสินค้าที่ขายดี ดันเลิกผลิตซะงั้น ต้องเปลี่ยนแผนกระทันหันเลย (แต่ดีที่ยังไม่หนักมาก ที่กลายเป็นได้กำไรนานขึ้นเป็น 6 เดือน)
  • หลายร้านที่เปิด แลกมาด้วยเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องเพิ่มทวีคูณ ทำให้เราต้องมานั่งปรับโครงสร้างการเงินใหม่หมด ไม่ใช่มีแค่เปิดร้านใหม่ ยอดขายจะเพิ่ม แต่เราต้องเตรียมเงินเผื่อสินค้าพวกนั้นด้วย ถ้าขายรอบช้านี้ เหนื่อยเลย แต่ดี สาขาแรกๆ พอช่วยพยุง สลับสินค้าไปมาได้ จึงแก้ได้บ้างบางส่วน

ผลลัพธ์

ร้านค้าเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ร้านใหญ่ๆ ในจังหวัดเริ่มใว้ใจให้เราบริการวัตถุดิบมากขึ้น ทำให้ยอดขายที่ได้ มากขึ้นตามมาด้วย ซึ่งภาพรวมถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูก ที่ยอดอดเปรี้ยวใว้กินหวาน (เปิดสาขาใหม่ ต้องแลกด้วยเอาเงินเหลือมาใช้สานต่อ) ทำให้แทนที่คนทำงาน จะได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น กลับเป็นต้องชะลอใว้ เพื่อสร้างช่องทางองค์กรให้เติบโต

COVID-19 ระบาด กลับเป็นโอกาสใหม่

ถอดบทเรียน 2020 โควิดระบาด - การตลาด 2021 บทเรียนจาก 2020 สาระรีฟ การตลาดบ้านๆ

ในช่วงเดือน เมษายน 2020 ดันเป็นช่วงที่ COVID-19 ระบาดหนัก พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้รับผลโดยตรง จากประชากรในพื้นที่ติดจากการไปร่วมงานศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย จึงทำให้พื้นที่มีจำนวนของการติดเชื้อติดอันดับต้นๆ ของประเทศเลย ทำให้ธุรกิจที่เราต้องเลี้ยงตัวเอง กำลังลืมต้าอ้าปาก ต้องกลับมานั่งคิดอย่างหนักเลยว่า เอาไงดีวะเนี่ย ถ้าเราไม่หาทางป้องกันนี้ ธุรกิจที่สร้างมาต้องปิดเลยนะ แถมมีหนี้จากสินค้าที่เราต้องจ่ายให้โรงงานอีก

แต่ดีที่บอร์ดบริหาร ประชุมกันอย่างหนัก แบบออนไลน์ ช่วง 22.00 – 24.00 แทบทุกวัน เพื่อวางมาตรการรายวัน ว่าวันพรุ่งนี้จะทำยังไงต่อดี วันนี้ทำแล้วผลเป็นยังไง ต้องปรับอะไรบ้าง เราจะป้องกันให้คนทำงานของเรา ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อยังไงบ้าง

บอกเลยว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่โจทย์หินมากๆ สำหรับทีม เพราะไม่เคยเจอมาก่อน ส่วนรายละเอียดแบบลึกๆ เดี๋ยวสาระรีฟจะเขียนเป็นอีกบทความหนึ่ง ว่าเราปรับตัวอย่างไร ถึงยอดขึ้น 4 เท่าจากก่อน COVID-19 ระบาด

สิ่งที่ได้เรียนรู้

  • สติที่เรามีมากขึ้น กลับเป็นส่วนที่ทำให้เราได้คิดอะไร ครีเอทิฟ ออกมาในช่วงนั้นได้เยอะ และกลายเป็นวิกฤตินั้น เป็นโอกาสใหม่ที่ช่วยเพิ่มยอดซะงั้น
  • การร่วมแรงใจ ของคนทำงาน ซึ่งได้เห็นเลยว่า คนใหนที่รักองค์กรจากสุดหัวใจ ใครเป็นคนที่เรา จะส่งเสริมหน้าที่การงานให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น
  • ในวิกฤติ ย่อมมีโอกาสเสมอ ซึ่งตอนนั้นเรามักจะได้ยินแค่คำพูดสวยๆ ในอินเตอร์เน็ต แต่กลับกลายเป็นว่า เราบรรลุจริงว่า โคตรมีโอกาสเลยว่ะ ไอเดียกระจายเลยช่วงนั้น
  • การตลาดรายวัน กลายเป็นสิ่งใหม่ที่เราได้เรียนรู้ และเอามาใช้ในองค์กร ทำให้เป็นว่าทุกคนทำงานมีระบบกันมากขึ้น ส่งผลให้ทุกวันนี้ เราทำงานกับเก่งขึ้นกว่าเดิมเยอะ

ผลลัพธ์

ผลลัพธ์ที่ได้จากเหตุการที่ยอดขายเพิ่มเกือบ 4 เท่าก่อนหน้า COVID-19 เกิด ทำให้เรามีเงินเก็บและ ทำกำไรขึ้นได้ในบางสาขา ที่แค่เฉียดๆ จะถึงจุดกำไร แต่ยังไม่กำไรสักที ซึ่งนอกจากทำให้สาขาที่เรามีกำไรแล้ว ดันมีเงินเก็บเพิ่มไปเปิดสาขานราธิวาสหลังจากเหตุการณ์เริ่มคลี่คลายซะงั้น พร้อมทั้งเราได้ระบบการทำงานที่ไม่เคยมาใช้ในองค์กรเลย จนทำให้ทุกวันนี้ ทุกคนทำงานกันเร็วขึ้น เสร็จเร็วขึ้น แถมงานที่ได้มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก

WFH จุดเริ่มต้นของการลองทำ VLOG

ถอดบทเรียน 2020 ลองทำ-Vlog - การตลาด 2021 บทเรียนจาก 2020 สาระรีฟ การตลาดบ้านๆ

ในช่วงเดือน พฤษภาคม 2020 ซึ่งยังอยู่ในช่วงที่คนยังทำงานที่บ้าน (Work from Home) เลยแบบว่า เราอยู่บ้านเฉยทำอะไรดีวะเนี่ย วันๆ ไถ Facebook ก็ไม่ใช่ ร้านกาแฟที่เราชอบไปนั่งทำงาน ก็ปิดไม่ให้เข้าไปนั่ง

เลยตัดสินใจลองทำช่อง Youtube กับ Fanpage สาระรีฟ การตลาดบ้านๆ จริงจังเลยดีกว่า เลยไปหาอุปกรณ์ในห้องเก็บของ พวกชุดไฟอะไรมาต่อ โดยคาดหวังว่าจะลอง Live แชร์ความรู้ให้คนผ่าน Page กัน

พอได้เริ่มทำคอนเทนท์ออนไลน์ ทำให้เราได้ความรู้ใหม่เยอะมาก จากที่เรารู้นะว่า Live ยังไง พอทำจริงไม่ง่ายเลย มีอะไรใหม่ๆ ที่ต้องเรียนรู้เยอะมาก ทั้งการใช้เครื่องมือ Live การจัดแสงให้ชัด และอื่นๆ อีกมากมาย ที่อุปกรณ์ก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น รวมถึงฉากเขียวที่ซื้อมาเพิ่ม

เหตุผลที่ซื้อฉากเขียว เพราะอยากลองว่าเขาทำกันยังไง ทำไมถึงต้องใช้ฉากเขียว จนทำให้มีช่องที่คนติดตามจนถึงทุกวันนี้ทั้ง Facebook และ Youtube สาระรีฟ การตลาดบ้าน (ซึ่งที่เริ่มทำ เพราะมีความคิดที่ว่า ลองทำอะไรที่ เรากากดูบ้าง เผื่อจะเห็นโอกาสมากขึ้น)

สิ่งที่ได้เรียนรู้

  • เรียนรู้การ Live ว่าต้องพูดอะไรบ้าง ชวนให้คนมาติดตาม
  • รู้วิธีการตัดต่อ VDO เพราะพอเราไม่รู้จะ Live อะไร ก็เลยมองว่า ทำเนื้อหาสั้นๆ สัก 5-7 นาที ก็น่าจะดี ใช้เวลาไม่มากในการทำ
  • เห็นหลักการทำการตลาด ในรูปแบบ Influencer ว่าเขาทำยังไง ได้รายได้ยังไง เห็นช่องทางโอกาสอีกมาก ทั้ง Youtube, Tiktok, Facebook, Blog

ผลลัพธ์

พอได้เริ่มทำ กลับกลายเป็นว่า พอหมดช่วงที่คนอยู่แต่ในบ้าน เริ่มออกจากบ้านมาใช้ชีวิตปกติ จึงทำให้งานต่างๆ เริ่มเข้ามา ต้องเดินทางออกไปต่างสถานที่บ่อย เลยกลายเป็นว่า แบ่งเวลาทำ Content ลงแทบจะไม่มีเลย อารมณ์แบบ ถ้าให้ถ่ายทำน่ะพอไหวนะ แต่พอตัดต่อเนี่ยนานมาก

เหตุเนื่องจาก สาระรีฟมือใหม่มาก กว่าจะตัดต่อได้สักคลิป บางช่วง 1 เดือนเลย ได้ 1 Content แถมจากบทความที่แบบออกอาทิตย์ละ 2-3 บทความกลายเป็น 3-4 อาทิตย์ได้ 1 บทความ ซึ่งก็ต้องปรับแก้กันต่อไป (ร้องห้าย T-T)

จุดเปลี่ยนชีวิต กับการเป็นพ่อลูกอ่อนคนที่ 2

ถอดบทเรียน 2020 พ่อลูกอ่อนคนที่-2 - การตลาด 2021 บทเรียนจาก 2020 สาระรีฟ การตลาดบ้านๆ

ในช่วง กรกฎาคม 2020 เป็นช่วงที่ปิดเมืองในแต่ละจังหวัดเริ่มคลี่คลายลง แถมเป็นช่วงที่แฟนใกล้ถึงเวลากำหนดคลอดพอดี จึงทำให้ช่วงนั้น เป็นช่วงที่ได้ลูกชายคนที่ 2 เพิ่มมา

ทำให้ตารางชีวิต แทบจะต้องเปลี่ยนเยอะมาก จากที่เราพอมีเวลาว่างบ้าง ทำนู่น ทำนี่ กลับกลายเป็นแทบไม่ว่าง ตัวเป็นเกลียว เพราะนอกจากต้องทำงานแล้ว ก็ต้องเลี้ยงลูกด้วย ไม่ใช่แค่เลี้ยงคนเดียวนะ ต้องเลี้ยงทั้ง 2 คน (บันเทิงสุดๆ 555+)

เวลาที่ปรับ ต้องแบ่งเวลา ทำซักผ้าอ้อมบ้าง อุ้มลูกบ้างเวลาร้อง เอาลูกคนโตไปอาบน้ำบ้าง สลับกันดูบ้าง และอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องให้เวลากับครอบครัว เลยทำให้ที่เคยทำ Content จากหัวข้อข้างบน แทบจะลดลงแบบ ทำให้คนติดตาม คอยเก้อ กันเลยทีเดียว

แต่ก็พยายามจะทำออกมานั่นแหละ ไม่ว่าวิธีใด วิธีหนึ่ง กลายเป็นเนื้อหาที่ทำ เลยแบบไม่ได้ลงรายละเอียดมากเท่าใหร่ ส่วนมากที่ลงไปเลยไม่รู้ว่า มันน่าเบื่อเกินไปไหม แต่ในใจก็มองว่า ก็ดีกว่ามีอะไรลง ลงบ้าง คนอาจจะไม่ลืม ก็ยังดี

สิ่งที่ได้เรียนรู้

  • ความรับผิดชอบ ของตัวเองมากขึ้น จากเดิมที่แบบวันๆ ทำแต่งาน ใช้ชีวิตคนเดียว พอแต่งงานมีคนแรก ก็ปรับชีวิตพอควร พอมีคนที่ 2 ในปีถัดไป ทำให้เราต้องแบ่งเวลาให้เหมาะสมมากขึ้น
  • คิดอะไรเยอะขึ้น จากเดิมที่เป็น คิดไว ทำไว ก็เป็นแบบ คิดไว แต่ชั่งใจสักนิด ว่าคุ้มเวลาทำไหม ถ้าลงไปแล้ว ไม่คุ้มเวลา ก็จะชะลอไม่ทำก่อน เพราะนอกจากเวลาจะต้องเสียไปแล้ว จะทำให้สมดุลชีวิตเสียขึ้นกว่าเดิมด้วย
  • ความสุขที่มากขึ้น จากเดิมเป็นคนที่ชอบเดินทางไปใหนมาก กลายเป็นว่า ช่วงนี้อยู่บ้านได้ อยากอยู่บ้านมากกว่า เล่นกับลูก กลายเป็นคน Slow Life ซะงั้น 555+
  • ใจเย็นมากขึ้น เนื่องจากงานแต่ละวันเยอะมากที่ต้องทำ เวลาลูกร้อง หรือมีอะไรบางอย่างที่ต้องหยุดทำก่อน เพื่อไปดูลูก เราก็จะใจเย็นขึ้น ไม่อารมณ์เสีย ซึ่งถ้าเมื่อก่อน จะยังต้องปรับตัวเยอะ แบบงานไม่เสร็จเลย ทำงานได้น้อยมาก ก็จะกลายเป็นเครียดซะงั้น (ตอนนี้หรอ งานทำเท่าที่ทำได้ละกัน)
  • นอนไวขึ้น เพราะพอมีลูกเล็กทั้ง 2 ต้องพาลูกเข้านอน เลยกลายเป็นเราต้องนอนด้วย สรุปได้นอนมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก (8 ชั่วโมงแทบทุกวัน ตื่นเช้าบ้าง สายบ้าง 555+)

ผลลัพธ์

จากการที่มีลูก 2 คน จึงทำให้มีหลายเรื่องมากที่ สาระรีฟ ตัดสินใจทำ ที่เมื่อก่อนอยากลองทำ แต่ไม่ได้ทำสักที เพราะมัวแต่คิดว่า ค่อยก่อนละกัน ยังไม่ถึงเวลา ไปทำอย่างอื่นก่อนดีกว่า ซึ่งส่วนที่ได้จากการมีลูกก็คือ ตัดสินใจบริหารการเงินของตัวเอง ขนานใหญ่

หากเทียบจากเมื่อก่อน เงินเข้ามา ก็ใช้จนหมด กินนู่น กินนี่ แทบไม่มีเงินเก็บเท่าใหร่ จนตอนนี้มีเงินเก็บเยอะมาก จากการออมเงิน 6 เดือน ที่ได้จากการเรียนรู้ วิธีการบริหารเงิน ที่ไปเรียนในคอร์สออนไลน์ ของตลาดหลักทรัพย์มา และซื้อหนังสือการเงินมาอ่านเพิ่มเติม

ครั้งแรก กับการลงทุนในตลาดหุ้น

ถอดบทเรียน 2020 เริ่มเล่นหุ้นครั้งแรก-การตลาด-2021-บทเรียนจาก-2020-สาระรีฟ-การตลาดบ้านๆ

ต่อเนื่องจากการที่ มีลูกคนที่ 2 และตัดสินใจบริหารการเงินใหม่ จึงได้วิธีการเก็บเงินใหม่ก็คือ เงินในบัญชีต้องมีอย่างน้อยสำหรับค่าใช้จ่าย 6 เดือน และรายได้ที่เข้ามาทุกช่องทาง จะต้องหัก 10% เป็นเงินเก็บ และห้ามเอาออกมาใช้เด็ดขาด สำหรับบทความวิธีการเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่ สาระรีฟจะเขียนเพิ่มให้ครับ มีประโยชน์สำหรับคนอยากหาช่องทางลงทุนแน่นอน

ในช่วงปลาย กรกฏาคม ถึงต้นๆ สิงหาคม 2020 เลยเป็นครั้งแรกที่ลองเก็บด้วยวิธีนี้ เลยตัดสินใจ เอาเงินเก็บที่มีอยู่ทั้งหมดมาให้เป็นเงินกิน 6 เดือนก่อน เหลือเท่าใหร่ จะถอนออกไปเป็นเงินเก็บ และรายได้ที่ได้มาในแต่ละเดือนจะหัก 10% เข้ากองเงินเก็บด้วยเช่นกัน ซึ่งกองที่ตัดสินใจว่าจะเอาเงินเก็บมาใส่นั้นก็คือ ตลาดหุ้น

สิ่งที่ได้เรียนรู้

  • เรียนรู้ถึงหลักการบริหารเงิน โดยแบ่งออกเป็น 3 แบบคือ 1. รายได้ 10% หักเป็นเงินเก็บ 2.เงินปันผลที่ได้จากหุ้น จะโอนเข้าไปเก็บเพิ่ม และสุดท้าย 3 หุ้นที่ขึ้นเยอะมาก ก็ขายออกบ้าง
  • เริ่มมีความคิด จะลงทุนเพิ่มเติม หาช่องทางที่เงินจะเพิ่มแต่ละแบบที่เราคาดว่า มีความเสี่ยงที่เงินต้นจะหายไป
  • มีไอเดีย ในการหาเงินขึ้นมาอีกเยอะ พอเราเริ่มที่สนุกกับการลงทุน เลยรู้สึกอยากมีรายได้หลายทางมากขึ้น ก็เลยกลายเป็นว่า รายได้มาจากหลายทางมากขึ้น (ไม่ได้มากหรอก แต่ก็พอกิน พอใช้มากกว่าเดิม)

ผลลัพธ์

เริ่มต้น สาระรีฟเอาเงินมาใส่ในบัญชีหุ้นโดยใช้เงินประมาณ 7,000 บาท แล้วเอาเงินมาเติมเรื่อยๆ จากเงินเก็บ 10% จนปลายปีก็มีเงินเกือบถึง 100,000 บาท (5 เดือน) แล้วที่มันพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ จากตลาดหุ้นที่เราก็เอาเงินไปเก็บใว้ โดยกำไรจากการขาย เงินปันผลทุกบาททุกสตางค์ จะไม่มีการเอาไปใช้ จะมีแต่เอาเงินมาเพิ่มในกองทุนนี้เรื่อง

ธุรกิจใหม่ ไอเดียใหม่กับ Dataholic

ถอดบทเรียน 2020 จดบริษัทใหม่-Dataholic - การตลาด 2021 บทเรียนจาก 2020 สาระรีฟ การตลาดบ้านๆ

หลังจากที่ สาระรีฟ ได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ กันมาเยอะมาก จากที่เล่าข้างบน จึงทำให้มีไอเดียใหม่ๆ ที่เรายังมองภาพไม่ออกมากขึ้น ทั้งมาจากสิ่งที่ได้จากการทำ Page Facebook ทำช่อง Youtube หรือเขียน Blog ผ่านเว็บไซต์ สาระรีฟ และอีกมากมายที่ทำในระหว่างปี

สิ่งที่ทำเหล่านั้น สาระรีฟจึงเริ่มเห็นโอกาสของธุรกิจมากขึ้น จึงก่อให้เกิด การเปิดบริษัทใหม่ บริษัท เดต้าฮอลิค จำกัด ขึ้นมาในช่วง กันยายน 2020

สิ่งที่สาระรีฟเห็นก็คือ ตนเองถูกเชิญไปพูดเรื่องการปรับตัวในช่วง COVID-19 เยอะมาก มีผู้ประกอบการเจอปัญหายอดขายตกก็ไม่น้อย แถมมีหน่วยงานที่เชิญไปเป็นที่ปรึกษาเพิ่มขึ้นเยอะจากที่ตัวเอง ไม่ค่อยรับงานพวกนี้มาก่อน เลยคิดว่า น่าจะมีโอกาสที่เราจะเอาความรู้ ความสามารถนี้ มาต่อยอดให้เกิดงานบริการที่ช่วยให้ SMEs ที่เป็นกิจการขนาดเล็ก กลาง หรือ ใหญ่ ในการนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้

บริษัท เดต้าฮอลิค จำกัด เลยเกิดมาเพื่อ การออกแบบข้อมูลที่จำเป็นสำหรับองค์กร ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กร เพื่อให้สามารถเห็นโอกาสใหม่ๆ ตลอดเวลา และสามารถต่อยอดสิ่งที่ได้จากข้อมูลเหล่านั้น มาสร้างสรรสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กับพฤติกรรมลูกค้า โดยมีเป้าหมายคือ

“ใช้ข้อมูล ในการนำทางบริษัท ให้มากกว่าการใช้ความรู้สึก ในการตัดสินใจ”

สิ่งที่ได้เรียนรู้

  • มีเพื่อนร่วมงาน ในสายอาชีพอื่นมากขึ้น ซึ่งแต่เดิมจะมีแนวๆ พนักงานขาย คนขายหน้าร้าน การตลาด แต่พอเปิดบริษัทใหม่ ทำให้เรามีโปรแกรมเมอร์ (Programmer) เข้ามาทำงานในองค์กร และมีคนที่คอยคิดที่จะสร้างไอเดียใหม่ๆ จากข้อมูลที่มีออกมาอยู่ในรูปแบบต่างๆ (Data Science) เพื่อส่งต่อให้คนทำงานง่ายต่อการตัดสินใจ
  • องค์กรใหญ่ขึ้น นำมาซึ่งรายได้หลายทางมากขึ้น จากงานบริการที่เราเพิ่มเข้ามา เพื่อตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใข้บริการที่บริษัทมีเหล่านั้น
  • ได้ทำงานหลากหลายมากขึ้น จากที่หน่วยงานมากขึ้น มาร่วมทำงานกับเรา กลายเป็นได้ความรู้ใหม่ๆ จากการที่ต้องไปวางแผนการตลาดให้เยอะมาก ทำให้คนทำงาน กลายเป็นเก่งขึ้นด้วย
  • เริ่มคิดที่จะต้อง Reskill-Upskill ตลอดเวลา ไปสู่การได้ความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนมากขึ้น

ผลลัพธ์

การที่เปิดบริษัทใหม่ ทำให้วัฒนธรรมองค์กรเดิมที่ทำอยู่เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก โดยที่ทุกอย่างที่เคยใช้ในการทำงานนั้น ต้องใช้ข้อมูลเป็นตัวตัดสินใจเท่านั้น ไม่เอาแบบคิดว่าทำแบบนี้จะดี ทุกอย่างต้องมีข้อมูลเป็นตัวประกอบ เลยทำให้บริษัทเดิมมี หน้าการประมวลผลข้อมูลที่ช่วยสร้างการตัดสินใจของคนทำงานให้เฉียบคมมากขึ้น นำไปซึ่งการทำงานที่เร็วขึ้น ลูกค้าพอใจมากขึ้น และเห็นโอกาสใหม่ๆ เสมอจากการต่อยอดจากข้อมูลเหล่านั้น

จริงจังกับ Reskill – Upskill

ถอดบทเรียน 2020 Reskill-Upskill - การตลาด 2021 บทเรียนจาก 2020 สาระรีฟ การตลาดบ้านๆ

จากผลที่ได้ทำงานหลากหลายขึ้น จากทั้ง 2 บริษัท ที่ต้องบริหาร กลายเป็นว่าความรู้ที่มีอยู่ต้อง มีการพัฒนาใหม่หมด เพราะบางอย่างมันตัน ต่อยอดไม่ได้ ทำให้ในปีนี้มีหนังสือในรายการที่อ่านร่วมกว่า 20 เล่ม แต่อ่านได้จริงๆ จบไปแล้วประมาณ 5-6 เล่มได้ ในแต่ละเรื่อง

พร้อมทั้งไปลงคอร์สกับผู้บริหารใหญ่ๆ ที่เขาเปิดคอร์สแชร์ต่างๆ เพื่อหาไอเดียที่องค์กรอื่นใช้อยู่ มาลองปรับมาเป็นในรูปแบบของบริษัทตัวเอง เพื่อที่จะได้ทำงานกันง่ายขึ้น อีกทั้งส่วนที่ได้มานั้น สามารถมาให้บริการกับลูกค้าที่มีอยู่ต่อได้อีก หนังสือ และเรื่องที่ สาระรีฟ ศึกษาหลักๆ ในปีนี้ จะมีอยู่ประมาณ 3 เรื่องครับ (อ่านต่อจากสิ่งที่ได้เรียนรู้)

สิ่งที่ได้เรียนรู้

  • การตลาดในรูปแบบต่างๆ ในแต่ละอุตสาหกรรม ทั้งร้านอาหาร บริษัทซอฟต์แวร์ เกษตร เป็นต้น ทำให้สาระรีฟมีไอเดียใหม่ๆ แตกออกมาเยอะมาก เวลาคนขอคำปรึกษา เราก็จะเสนอไอเดียที่น่าจะเข้ากับบริบทองค์กรได้เหมาะสมยิ่งขึ้น
  • การเงินและการลงทุน ทำให้สาระรีฟเห็นความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง ด้วยการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากเพิ่มโอกาสของการเติบโตของเงินและ ยังช่วยทำให้ความเสี่ยงของตลาดที่ผันผวนลดลงอีก
  • การวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้รู้ไอเดียของแต่ละองค์กร ว่าเขาบริหารข้อมูลกันอย่างไร เอาไปใช้อย่างไร ต่อยอดธุรกิจอะไรในทิศทางใหนบ้าง สุดท้ายข้อมูลพวกนั้นจะเอามาได้อย่างไร

ผลลัพธ์

ความรู้ต่างๆ ที่ได้จากการศึกษาเพิ่มเติม ทำให้ได้งานใหม่ๆ มาเยอะมาก ซึ่งแต่ละงานช่วยสร้างรายได้ให้องค์กรในระดับพอควรเลย แถมที่สำคัญทำให้ ชื่อเสียงของตัวเองเป็นที่รู้จัก และถูกแนะนำต่อมากขึ้น เมื่อเทียบจากเดิมที่ชอบอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยชอบไปเสนอตัวทำงานให้เท่าใหร่นัก (กลัวเขาหาว่าเข้ามาจุ้น 555+) เลยมักจะทำแบบ ใครติดต่ออยากขอให้ช่วย เราก็ช่วย แต่ถ้าให้ออกไปหา ว่าเรารับงานนะ อันนั้นไม่ใช่สไตล์การหางานที่ตัวเองทำเท่าใหร่นั้น

คนส่วนมาก เลยไม่ค่อยรู้เท่าใหร่ว่า สาระรีฟทำอะไรบ้าง เพราะส่วนตัวไม่ค่อยประกาศว่าเรารับทำอะไรบ้าง ใครที่ให้เราไปทำบ้าง มักจะแบบทำแล้ว เขาได้ผลลัพธ์โอเค คุ้มค่าจ้าง เราก็ถือว่าบรรลุสิ่งที่เขาจ้างแล้ว งานที่ได้ก็เลยมาจาก เขาแนะนำกันต่อนี้แหละ 555+

ผลลัพธ์จากการ ลองทำสิ่งใหม่

ถอดบทเรียน 2020 ผลลัพธ์การ-Reskill-Upskill - การตลาด 2021 บทเรียนจาก 2020 สาระรีฟ การตลาดบ้านๆ

ช่วงสุดท้ายของปี 2020 สาระรีฟเลยเอาผลลัพธ์ที่ได้เล่าข้างต้นมาให้ดูกัน ว่าที่ทำๆ ทั้งปี เราได้อะไรมาบ้างที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ ดีบ้าง แย่บ้างประปรายกันไป แต่โดยรวมถือว่า ตอบโจทย์กับแผนทั้งปีมาก ที่ตัวเองได้ทำอะไรใหม่ๆ เยอะมาก โดยที่สาระรีฟจะมาให้ดู 3 ตัวอย่างละกันนะครับ

สิ่งที่ได้เรียนรู้

  • บริษัทที่ทำ มีระบบที่เอาข้อมูลมาวิเคราะห์ แยกตามหน้าที่ของคนทำงานโดยเฉพาะ โดยให้คนทำงานสามารถเอาข้อมูลนี้ไปวางแผนทำงาน พร้อมทั้งมีระบบทำงานใหม่ๆ ทั้งการนำเทคโนโลยีใหม่ที่เอามาใช้กับบริษัท ทำให้ทุกคน เห็นภาพเป้าหมายขององค์กรชัดเจนมากขึ้น และทำงานได้เร็วขึ้น
  • ช่องทาง สาระรีฟ การตลาดบ้านๆ ที่เติบโตมากขึ้น มีคนที่คอยติดตามเนื้อหาดีๆ มากขึ้น ซึ่งถึงจะยังไม่ได้มากเท่ากับคนอื่นๆ แต่โดยรวม ก็ดีใจมากแล้ว ที่มีคนเห็นประโยชน์ในสิ่งที่สาระรีฟเอามาแชร์ และมาขอบคุณในอินบอกซ์
  • เงินปันผล จากหุ้นที่ไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ถูกโอนเข้าบัญชีอัตโนมัติ มากน้อยกันไป ซึ่งกลายเป็นว่า เงินที่เราไปซื้อหุ้นเก็บใว้ นอกจากหุ้นเพิ่มแล้ว ยังได้ปันผลมาด้วย โดยที่ไม่ต้องทำงานอะไรเลย ให้เงินมันไปสร้างเงินต่อของมันเอง

ผลลัพธ์

เอาอย่างแรกเลย รายได้มากขึ้นจากแต่ก่อน พร้อมทั้งมีเพื่อนร่วมงานที่มาทำงานในองค์กรมากขึ้น ในหลากหลายหน้าที่ ทำให้สาระรีฟ สามารถต่อยอดไอเดียใหม่ๆ ที่เคยทำได้แค่คิด ให้ออกมาเป็นรูปธรรมได้ง่าย และเร็วขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก

ถอดบทเรียนปี 2020 สู่ปีหน้าที่ดีกว่า

ถอดบทเรียน 2020 ผลลัพธ์การ-Reskill-Upskill - การตลาด 2021 บทเรียนจาก 2020 การตลาด-2021 - การตลาด 2021 บทเรียนจาก 2020 สาระรีฟ การตลาดบ้านๆ

การตลาดในปี 2021 ที่สาระรีฟ มองว่ากิจการควรทำ โดยจะสรุปเป็นหัวข้อคร่าวๆ ให้ผู้อ่านได้เห็นภาพกันมากขึ้น โดยจะสรุปออกเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ

  • ตั้งเป้าหมายองค์กร (ภาพใหญ่) > ย่อยลงมาให้เป็นเป้าหมายคนทำงาน (เป้าเล็ก) > ไปสู่การวางแผนการบรรลุเป้าที่สอดคล้องทั้งองค์กร และ คนทำงาน (องค์กร และคนทำงานอยากได้สิ่งเดียวกัน)
  • การเงิน ที่องค์กรต้องเนี้ยบขึ้น ไม่ใช่ทำไปเรื่อยๆ ถามว่าตอนนี้กำไรเป็นยังไงบ้าง เติบโตเท่าใหร่ แต่ตัวเองที่เป็นเจ้าไม่รู้เลย บอกเลยครับ เสี่ยงมาก หยายามศึกษาให้ดี เพราะธุรกิจขาดเรื่องการเงินไม่ได้เลย ถึงแม้จะเป็นยาขม แต่ยาตัวนี้ทำให้ธุรกิจอยู่รอด
  • ลงทุนในตลาดที่มีประสิทธิภาพ มากกว่าลงทุนตามคนอื่น เช่น คนบอกไม่ขายออนไลน์ องค์กรจะอยู่ไม่รอด สิ่งที่สำคัญคือ กิจการต้องรู้จักว่า ตลาดใหนที่เราลงเงินไปแล้ว ต้องมีประสิทธิภาพที่คุ้มค่ากับเงินที่ลงไป แปลว่า ออฟไฟลน์ก็สำคัญ ออนไลน์ก็สำคัญไม่แพ้กัน แต่ต้องฉลาดลงทุนนั่นเอง ไม่ใช่แห่ทำตามคนอื่น เพราะอย่าลืม บริบทต่างกัน ธุรกิจก็ต่างกัน เอามาเทียบกันยาก
  • เน้นระยะสั้นให้เยอะขึ้นอีกสักหน่อย (เก็บเงินสดให้เยอะเป็นดีสุด) ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ระยะสั้นดังกล่าว ได้มาซึ่งการลงแรง และเงินที่น้อย การที่เราสามารถได้ผลตอบแทนกลับมาที่ไว เพื่อเก็บเกี่ยวให้สามารถเป็นทุนสำรอง กันเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่คาดคิด ที่เราไม่รู้เลย 2021 จะมีอะไรใหม่ๆ ที่แย่กว่าเดิมเข้ามาอีกบ้าง
  • วางแผนเรื่องการใช้ข้อมูลในองค์กร โดยนำเป้าหมายที่วางใว้ ออกแบบว่า ข้อมูลอะไรที่องค์กรต้องมี เก็บมาอย่างไร เก็บมาแล้วจะใช้มันในรูปแบบใหน เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้มากขึ้น เปลี่ยนการทำงานที่ใชัสัญชาตญาณ มาเป็นใช้ข้อมูลตัดสินใจแทน
  • เทคโนโลยีที่ใช้ ไม่จำเป็นต้องล้ำที่สุด แต่ต้องเหมาะที่สุดกับบริบทดังนี้ เวลาในการปรับใช้ในองค์กร ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม และผลลัพธ์สูงสุดในการต่อยอดงาน โดยที่เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยสร้างให้องค์กรมีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิม

สุดท้าย ทำการตลาดด้วยข้อมูลที่ตัวเองมี นั่นคือผลลัพธ์ ความสำเร็จที่ยั่งยืน

สรุปจากทั้งหมด ง่ายๆ เลยก็คือ ปี 2020 ที่ว่ายากแล้ว ปีถัดๆ ไปจะยิ่งยากกว่า และจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ขายดีวันนี้ การันตีไม่ได้พรุ่งนี้จะขายดี อย่าบ้ายิง Ads ไปสู่ ความสามารถที่เป็นทุกอย่างของทั้งหมดก็คือ “ปรับตัวให้เป็น และต้องปรับตัวให้ไว” สกิลนี้ต้องมี ไม่มีทุกอย่างจะยากไปหมด

หลายคนอ่านจบ คงจะเริ่มหวั่นๆ ว่าโห เหมือนต้องรู้อะไรอีกเยอะเลย ทำยังไงดี ต้องรู้อะไรบ้างเนี่ย จริงๆ มีคนมาถามสาระรีฟ เยอะมากว่า เปิดสอนไหม จริงๆ ก็อยากเปิดสอนนะ แต่ไม่รู้จะมีใครอยากเรียนไหม ปกติใช้แต่ภายในองค์กร ไม่กล้าไปสอนใครจริงจัง แต่ถ้าเปิดสอนจริงคงจะเป็น Worksop ที่กลั่นมาให้ย่อยไปใช้เลย เรียนสัก 2 วัน เสาร์ อาทิตย์ น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสม วันเดียวรู้สึกว่า มันรวบรัดไป

หัวข้อที่จะสอนคงจะเป็น “ปรับตัวให้รอด วางแผนรับมือ 2021” มาเรียนด้วยกัน 09.00 – 16.00 สัก 2 วัน สถานที่คิดว่า ไม่ยะลา ก็ปัตตานี ที่รับได้ประมาณ 20 คน โดยมีเนื้อหาหลักๆ ประมาณนี้

  • เป้าหมายองค์กร ที่คนทำงานอยากทำ พร้อมการนำไปใช้และวิธีการวัดผล
  • งานหลังบ้าน ใครว่าไม่สำคัญ เพราะคนทำงานเก่ง ก็เสี่ยงน้อยลงเยอะ
  • สร้างยอดขาย ด้วยการตลาดข้อมูล วิธีการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และไอเดียการนำไปใช้ข้อมูล
  • ปรับตัวอย่างไร ให้เสี่ยงน้อยสุด ได้ผลลัพธ์มากสุด
  • การเงินดี บริหารเป็น มีชัยไปกว่าครึ่ง

ถ้ายังไง ก็ซาวน์เสียงกัน ใครคิดว่า อยากรู้เรื่องพวกนี้ ก็คลิ้กตรงนี้ต่อเลยก็ได้ครับ จะได้รู้ว่ามีคนสนใจมากน้อยแค่ใหน ถ้าเปิดสอนได้จริงก็จะยินดีมากๆ ที่จะเอาทุกอย่าง ที่ไม่เคยสอนใคร มาบอกในนี้แบบโคตร Insight ถ้ายังไงก็เจอกันครับ (สมมติ หากคนสนใจเยอะ เกินที่จะดูแลไหว ก็จะใช้วิธีเต็มแล้วก็ปิดเลย)

ช่องทางติดตามผลงาน

ติดตามผลงานช่องทางต่างๆ ได้

Facebook: https://www.facebook.com/sararifmkt

Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCUt1RPFDIOaFnrogwZHi34Q

Tiktok : https://www.tiktok.com/@sararifmkt

Line : https://lin.ee/3KWTirDxI

Website : https://www.sararif.com

Sharif Densumite
Sharif Densumitehttp://www.sararif.com
Chief Executive Officer - Has Order Co, Ltd.
RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular

Recent Comments