fbpx
วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
หน้าแรกStrategyStartupธุรกิจ Startup ต้องหวังกำไร ไม่ใช่ทำเพื่อ Raise Funds

ธุรกิจ Startup ต้องหวังกำไร ไม่ใช่ทำเพื่อ Raise Funds

ธุรกิจ Startup นี้คงไม่พ้นกับอีกคำหนึ่งคือ Raise Funds ซึ่งหลายคนคงจะไม่รู้คืออะไร สาระรีฟจะมาอธิบายความหมายของมันก่อนจะเข้าเรื่อง สืบเนื่องจากที่ได้เขียนบทความก่อนหน้า Startup ถ้าอยากเท่ห์ อย่าคิดทำ (ตอน:เท่ห์ แต่ไม่มีกิน) หัวข้อนี้เลยมาต่อยอด เล่ากันต่อว่า ธุรกิจ Startup ถ้าไม่ใช่ทำเพราะอยากเท่ห์ ก็ไม่ต้องคาดหวังทำเพราะอยากได้แค่ Raise Funds อย่างเดียว

หากพูดถึงการจะเริ่มทำธุรกิจ หรือจะต่อยอดทางธุรกิจ ถ้า SMEs ทั่วไปก็จะพูดในเชิงของ การหาแหล่งเงินทุน ไม่ว่าจะกู้ หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งการทำ Startup ก็เช่นเดียวกัน หากใครกำลังจะเริ่ม หรือ คนที่อยากจะเติบโตมากกว่าเดิม ก็ต้องหาแหล่งเงินทุน แต่ Startup จะใช้หาแหล่งเงินทุนจากการระดมทุนของนักลงทุน มาร่วมธุรกิจด้วยกัน หากเจ๊ง ก็เจ๊งไปด้วยกัน แต่ถ้ารุ่งก็โตไปด้วยกันเช่นกัน นั่นแหละคือ Raise Funds

ท้าวความหัวข้อก่อนหน้าที่ ทำ Startup ตอนแรกที่หวังอยากเท่ห์ อยากมีชื่อเสียง สรุปทำได้ครับ แต่เจ๊ง แถมไม่มีเงินกินด้วย โคตรอนาถเลย ส่วนนี้จะมาเล่ากันต่อว่า ความบ้า ยังไม่หาย เพราะมหากาพย์ใหม่กำล้งจะเริ่มขึ้นนั้นคือ Startup ตัวใหม่ ที่อยากให้เติบโตเพราะ อยากได้ขึ้นว่า เติบโตจนได้ระดมทุน Serie A B C ว่ากันไป

มหากาพย์ใหม่ จุดเริ่มต้น Pinsouq

จากเดิมที่ทำ SchoolOS แล้วเจ๊ง จึงทำให้สาระรีฟ ต้องตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพมหานคร ดินแดนแห่งโลก Startup (ปัดโถ่ว ยังไม่เข็ด!) โดยการเดินทางครั้งนี้ตามมาด้วยภารกิจใหม่คือ เรียนต่อปริญญาโท ตามคำสัญญาที่ให้ใว้กับทางบ้านว่า ถ้าธุรกิจเจ๊งจะมาเรียนต่อให้ ซึ่งสาระรีฟตัดสินใจมาเรียนด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พอเรียนได้สักพัก ก็มีทุนการศึกษาของบริหารธุรกิจ หลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ (Young Executive MBA) ของ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA สาระรีฟเลยลองไปสมัครดู สรุปได้ทุนมาแบบงง ๆ เลยจับพลัดจับพลู เรียนปริญญาโท พร้อมกัน 2 ใบ (ช่วงปี 2555)

ระหว่างเรียน ก็ลองศึกษานู่นนี่ ว่าจะทำธุรกิจอะไรบ้างน้า โดยดูทิศทางตลาด ณ สมัยนั้น เลยมาเอ๊ะ กับโอกาสหนึ่งก็คือ ตลาดออนไลน์กำลังมานี่หว่า ช่วงนั้น Lazada กำลังเติบโตเลย เราเลยแบบ เอ้างั้นเรามาทำ Marketplace เลยละกัน ส่วนชื่อเราตั้งง่าย ๆ ละกัน เป็น BEMUY (ให้อ่านว่า บีมาย นะ อย่า บีมวย) ซึ่งชื่อนี้ต้องการให้ผวนกลับเป็น BUY – ME (ชื่อโคตรสิ้นคิด 555+)

Build Prototype

พอคิดได้แล้ว ก็โซโล่กันต่อ คราวนี้เราเข็ดจากการล้มครั้งแรก ที่เราล้มจากการต้องมานั่ง เขียนโปรแกรมเอง เลยไม่มีเวลามาหาตลาด เลยแบบครั้งนี้ต้องสำเร็จ เพราะเราจะไปจ้างคนทำ (คิดถูกไหมเนี่ย?)

การเอาเงินเก็บก้อนแรกมาใช้ก็เริ่มบังเกิด ด้วยการจ้างโปรแกรมเมอร์มาเขียน ด้วยการเอาร้านของแฟนนี้แหละ มาเป็นหนูทดลอง ซึ่งตอนนั้นแฟนทำขายเครื่องแต่งกายมุสลิมผ่าน Page ช่วงต้น ๆ ของการขายบน Facebook เลยแหละ บอกเลยว่าขายดีมากก (ก ไก่ล้านตัว) เงินเก็บได้เป็นแสนๆ ขนาดทำกันเล่นๆ นะ ช่วงนั้นยิง Ads ยังไม่เป็นที่นิยมมาก

พอเริ่มมีการใช้งาน ก็เริ่มหาลูกค้าอื่นๆ มาใช้โดยขอ Commission 5% ถ้าขายได้ แต่แลกด้วยการทำระบบให้ ซึ่งการเติบโตสวยงามมาก ออเดอร์ต่อวันก็เยอะขึ้น จากแต่ละแบรนด์ดึงลูกค้าส่งเข้ามาในระบบแบรนด์ของเขาเอง เราเองก็มีเงินเก็บบ้างนิดหน่อย ก็เริ่มมีแรงใจตรงที่ว่า โปรเจ็คนี้แหละ ต้องเป็นปังแน่นอน

Raise Fund ในขั้น Angel Stage

พอทำได้สักพัก ก็เริ่มมีคนติดต่อมาว่า อยากลงทุนด้วย เลยคุยกันได้มา 2 คน (ที่มาลงเรือ เต็มไปด้วยมรสุมด้วยกัน 555+) มาร่วมลงทุนในตัวโปรเจ็ค ซึ่งตอนนั้น ยังไม่ได้จดบริษัทเลย สัญญาใจล้วนๆ ว่าแต่ละคนจะถือหุ้นตามที่ตกลงนะ ซึ่งก็เป็นไปได้ด้วยดี

สิ่งที่เราคาดการณ์ต่อมาเลย ได้เงินมาแล้ว ทำอะไรต่อวะเนี่ย (คือแบบตอนนั้นได้รับเงินลงทุนแล้วตามเป้า แต่แบบในใจคือ อีหยังว๊ะ) เลยตัดสินใจว่า งั้นเราเปลี่ยนจากทำระบบให้แบรนด์แลก Commission มาเป็น Marketplace เลยดีกว่า โดยให้แบรนด์ต่างๆ มาลงที่เดียวกัน ขายที่เดียวกัน คนซื้อก็มาที่เดียวกัน ไม่ต้องแยกไปตามแต่ละช่องทางของแบรนดืแล้ว

เงินลงทุนนั้นเลยเอาพัฒนาระบบใหม่เลย เพื่อรวบรวมร้านทั้งหมดที่เคยทำให้ รวมศูนย์เป็นที่เดียวกัน เลยไปคุยกับโปรแกรมเมอร์คนเดิม ว่ามีโปรเจ็คใหม่ให้ทำ โดยทำแบบเดิมแต่ เปลี่ยนให้เป็นศูนย์รวมตลาดสินค้าฮาลาลออนไลน์แทน

การพัฒนาใช้เวลาประมาณ 3 เดือนก็ได้ออกโปรเจ็คมาให้ลองใช้ ซึ่ง Bug ตรึม โดนบ่นกันเยอะแยะ ทั้งร้าน ทั้งลูกค้า แต่ก็แบบ ถอยไม่ได้แล้วต้องไปต่อ ก็ปรับกันมาตลอด

ส่งแข่งขัน Dtac Accelerate Bath 3

โปรเจ็ค BEMUY เริ่มออกใช้งานในช่วงเดือน พฤษจิกายน 2559 ได้ก็ได้ลองส่งแข่ง Dtac Accelerate ละกัน สรุปว่าเอ้ยได้เข้ารอบ 20 ทีมสุดท้ายด้วยวุ้ย ก็เลยตัดสินใจว่า น่าจะไปได้นะ E-commerce กำลังเติบโตเลย Traction เราก็ไม่เลวนะ รายได้ก็มีแล้วด้วย (ถึงแม้จะเลี้ยงตัวเองไม่ได้ก็ตาม)

วัตถุประสงค์ของการเริ่มต้น BEMUY คืออยากได้ Raise Fund ใหญ่ๆ เรื่ยยๆ ใว้สร้างบริษัทที่มีพนักงาน มีโต๊ะปิงปอง มีกาแฟฟรี มีขนมฟรี พนักงานเก่งๆ รายรอบ จึงแบบคาดหวังมากว่า ยังไงก็ต้อง Raise Fund ให้ได้

พอเริ่มวัน Pitch จริง ช่วง Q&A (Question & Answer) โดนถามไปว่า เราอยากได้เงินไปทำอะไร เราตอบกลับไปว่า อยากเอาเงินไปเร่งโต ไปทำการตลาด ยิง Ads จัดโปรโมชัน ให้คนมาซื้อเยอะๆ เพื่อให้มีการใช้งานแพร่หลาย ไปสู่การระดมทุนรอบที่ใหญ่กว่าเดิม

ผลสรุปจากการแข่งนั้นคือ ตกรอบสิครับ ส่วนตัวคิดว่า ใครอยากเอาเงินมาให้บริษัทที่ อยากเอาเงินมาเผากันว๊ะ เลยแบบต้องกลับมาคิด โปรเจ็คนี้ทำอะไรผิดหว่า ยอดก็มีแล้วนะ คนใช้ก็มีแล้ว ไม่ใช่แค่ไอเดียที่มาส่ง เลยมารู้สึกว่า สงสัยเพราะด้วยแผนธุรกิจเรานี้แหละมั้งที่ผิด จนไม่มีใครอยากมาร่วมชะตากรรมเดียวกัน

Rebranding เป็น Pinsouq

จากการที่ตกรอบในการแข่งขัน เลยเฟลเป็นธรรมดา จึงทำให้ตัดสินใจ Rebrand ดีกว่า เพราะทำไม มีแต่คนอ่านว่า บีมวย ทั้งนั้นเลยแฟ๊ (อยากให้อ่าน บีมาย เข้าใจบ้อ บีมาย) จึงตัดสินใจ งั้นเปลี่ยนชื่อมันเลยละกัน ชอบอ่านไม่ตรงกับที่เราต้องการดีนัก

การนั่งคุยกับผู้ร่วมก่อตั้งจึงบังเกิด จะใช้ชื่ออะไรดีแฟ๊ คุยกันเยอะมาก จนไปเจอคำหนึ่งคือ Souk (ซูก) ภาษาอาหรับแปลว่าตลาด แล้วมี Website ที่มีคำนี้ด้วยใน Dubai (ตอนนี้ Amazon Take Over ไปละ) ผลสรุปก็คือ Pinsouq นี้แหละ

Concept เลยมาจากการที่เราเป็นตลาดออนไลน์ แปลว่าตลาดนี้มันต้องปักหมุด คนจะได้มาถูก และถ้าจะให้คนมุสลิมรู้ว่าเป็นตลาด ก็ใช้ Souk คนจะได้รู้ว่าเป็นตลาดปักหมุด แต่เนื่องจาก Souk มันดูธรรมไป แล้วคำแชท วัยรุ่นอาหรับมีการใช้ Q แทน K ก็ไม่น้อย เลยเอาวะ Souk จะเขียนเป็น Souq ละกัน

Business Model

หลังจาก Rebranding เสร็จสิ้น เปลี่ยนจาก www.bemuy.com เป็น www.pinsouq.com โดยใช้ Slogan ว่า Pinsouq Halal Marketplace แหล่งรวมสินค้าฮาลาลออนไลน์ เราก็มาคิดถึงการหารายได้ด้วยการเป็นนายหน้าขายสินค้าคนอื่นให้ แลกด้วย Commission 5% แต่หากลูกค้าโอนก็จะมีเก็บเพิ่ม 4% (อันนี้เก็บจากร้าน)

รายได้ ตอนนั้นก็ถือว่าโอเคมากเลย คนมาซื้อในระบบก็ใช้ได้ ทุกเช้านี้แบบต้องมานั่ง Refresh Dashboard Admin ว่ามีออเดอร์ไหมวะ แล้วพอมีออเดอร์ก็แบบ โว้ว วันนี้มีออเดอร์ กำลังใจใหลมาเทมา ธุรกิจกำลังไปได้ด้วยดี เราจะเป็น Unicorn กัน จะไปโตในตลาดอาหรับต่อไป

วิมาน มักจะไม่สวยหรูตามที่เห็น

รายได้ช่วงนั้น 600,000 บาทที่ได้จากระบบ ไปพูดที่ใหน ก็ดูสุดยด แม่ง Startup Idol เก่งโคตร ทำยอดขาย 600,000 แต่คือแบบ มันดูสวย เท่ห์ ดูประสบความสำเร็จ แต่พอมาคิดในใจ เชร้ด รายได้เท่านี้ยังไม่มีกินเลย เงินเดือนยังไม่ได้เล้ย ทำมาเป็นปี หลายครั้งก็ลงมาช่วยเขียนโปรแกรมด้วย ทำมันทั้งวัน การงานไม่สนใจ ชั้นจะเอาบริษัทเพื่อ Raise Fund ให้ได้ ไม่ได้ก็ทำไปเรื่อยๆ นี้แหละ เดี๋ยวก็มีวันของเรา เชื่อเถอะ

แต่แบบว่า 600,000 เดี๋ยวสาระรีฟจะมาแยกให้ครับว่าเหลือเข้ากระเป๋าเท่าใหร่

  • ต้นทุนสินค้า 95% หลายคนเห็นต้นทุนนี้ก็จะแบบ อะไรนะ เหลือเท่าใหร่วะเนี่ย งั้นเรามาคำนวนกัน จาก 600,000 ต้องจ่ายคืนร้าน 570,000 บาท
  • ต้นทุนด้านประชาสัมพันธ์ 30% ของยอดขาย อะไรนะ! ใช้งบ 30% เลยหรอ แล้วทุนค่าสินค้าก็ 95% 180,000 บาท

เรามาบวกลบกัน กำไร/ขาดทุน = รายได้ – ค่าใช้จ่าย แปลว่า 600,000 – (570,000 + 180,000) = -150,000 บาท เป็นยังไงละครับ ยอดขายที่คนมองว่าเป็นไอดอล สาระรีฟทำได้แค่ ยิ้มอ่อนๆ แล้วคิดในใจว่า ข้างหลังนี้แผลเต็มเลยน้า (แต่เราไม่บอกไง)

สรุปโครงการ Pinsouq จะต้องพับเก็บใว้ แยกย้ายเหมือนบทความก่อนหน้า หรือ จะเดินต่อ แล้วจะไปยังไง? เรามาพบกับมหากาพย์บทสุดท้าย Startup ถ้าไม่กำไร ก็แพ้ไป

สำหรับหัวข้ออื่น ๆ ที่อยากให้อ่านกัน

พอมามอง เพื่อนรอบตัว แต่ละคนก็เริ่มมีฐานะ ตำแหน่งขึ้นกันก็เยอะ แต่พอมาดูตัวเองเหมือนย่ำอยู่กับที่เลยว่ะ ซึ่งกลายเป็นว่า เป้าหมายที่เราตั้งใว้ตอนแรกสำเร็จแล้วที่อยากได้ คือ ตัวเองมีผลงานเยอะมาก แต่ไม่มีเงินจะกิน นั้นเลยเป็นจุดที่เป็นมหากาพย์แรกที่สาระรีฟ มาเล่าคือ อยากทำ Startup เพราะอยากเท่ห์ ถ้างั้นอย่าริจะทำตั้งแต่แรกจะดีกว่า (เตือนใว้แล้วน้า) สำหรับมหากาพย์ต่อไป จะเป็นเรื่อง ทำ Startup หวังรวย อย่าคิดที่จะทำ

ช่องทางติดตามผลงาน

ติดตามผลงานช่องทางต่างๆ ได้

Facebook: https://www.facebook.com/sararifmkt

Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCUt1RPFDIOaFnrogwZHi34Q

Tiktok : https://www.tiktok.com/@sararifmkt

Line : https://lin.ee/3KWTirDxI

Website : https://www.sararif.com

Sharif Densumite
Sharif Densumitehttp://www.sararif.com
Chief Executive Officer - Has Order Co, Ltd.
RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular

Recent Comments